เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค จอมปลดโค้ช
เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมแห่งแคว้นบาวาเรีย คือ สโมสรที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดของ วงการฟุตบอลเมืองเบียร์ แชมป์ลีกสูงสุด 29 สมัย ภายในเวลาเพียงครึ่งศตวรรษ คือ เครื่องรับประกันความสุดยอดของสโมสรแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยความยิ่งใหญ่ในระดับนี้ ย่อมต้องมีกุนซือผู้ปราดเปรื่องอยู่เบื้องหลัง เป็นมันสมองของทีม เหมือนที่ได้เคยเกิดขึ้นในหลายสโมสร เช่น บิล แชงค์ลีย์ กับ หงส์แดง ลิเวอร์พูล, เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์แซน เวนเกอร์ กับ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล
แต่แนวทางแบบนั้น ใช้ไม่ได้กับ เสือใต้แห่งบาวาเรีย นับตั้งแต่เข้าสู่ยุคใหม่ของ ฟุตบอลเมืองเบียร์ ในปี 1963 กุนซือที่คุมทัพได้ยาวนานที่สุดของ บาเยิร์น มิวนิค ได้คุมทีมติดต่อกันเป็นเวลาเพียง 6 ปฏิทินเท่านั้น นั่นคือ ออตมาร์ ฮิทซ์เฟลด์ ในช่วงปี 1998 ถึง 2004
เท่านั้นยังไม่พอ มีผู้จัดการทีมเพียง 6 รายเท่านั้น ที่มีโอกาสได้คุมบังเหียนยาวนานเกิน 3 ปี ที่เหลือกระเด็นตกเก้าอี้ หลังถูก บาเยิร์น ตะเพิดจากตำแหน่งกันอย่างถ้วนหน้า เนื่องจากยอดสโมสรแห่งนี้ มีวัฒนธรรมองค์กรที่สุดโหดอำมหิต เงื่อนไขมากมายที่พร้อมถีบหัวส่งบุคลากรออกจากสโมสรได้แทบจะตลอดเวลา และเป็นแนวทางในการประสบความสำเร็จ ในแบบฉบับเฉพาะของ เสือใต้
จุดเริ่มต้นของวัฒธรรมดังกล่าว ต้องย้อนกลับไปในช่วงต้นยุค 70s ซึ่ง บาเยิร์น เพิ่งเรืองอำนาจขึ้นมาหมาด ๆ ทั้งฟุตบอลในเยอรมัน และในทวีปยุโรป
ภายใต้การนำทัพของ ไกเซอร์ ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์, แกรนด์ มุลเลอร์, เซปป์ ไมเออร์ และยอดผู้เล่นดีกรี ทีมชาติเยอรมัน อีกหลายคน พวกเขาคว้า ถาดแชมป์บุนเดสลีกา 4 สมัยใน 6 ซีซั่น ระหว่างปี 1969 ถึง 1974 รวมถึงการ แชมป์ยูโรเปียน คัพ ถึง 3 สมัยติดต่อกัน ในช่วงปี 1974 ถึง 1976
อย่างไรก็ตามในซีซั่นถัดมา เสือใต้ กลับไม่มีถ้วยรางวัลติดไม้ติดมือ เมื่อบวกกับการไม่ได้แชมป์ลีก นับตั้งแต่ปี 1974 เท่ากับว่า ทัพเสือใต้ ไม่ได้ถือครอง ถาดบุนเดสลีกา มาเป็นเวลา 3 ซีซั่นติดต่อกัน
บาเยิร์น เริ่มรู้ตัวแล้วว่า ยุคสมัยของพวกเขากำลังจะสิ้นสุดลง ไม่ต่างจากกระแสฟุตบอลของทีมอื่นๆที่ได้เคยโด่งดัง และได้จางหายไปเมื่อเวลาได้พ้นผ่าน
ทว่ายอดสโมสรดังจากเยอรมัน ไม่อยากพบจุดจบแบบนั้น พวกเขาต้องการครองความยิ่งใหญ่ต่อไป หากแต่ เสือใต้ ต้องหากุญแจแห่งความสำเร็จให้เจอ ก่อนที่จะสายเกินไป
เพราะ ณ ตอนนั้น โบรุสเซีย เมินเชนกลัดบัค ได้ก้าวขึ้นมา คว้าถาดบุนเดสลีกา 3 ซีซั่นติดต่อกัน เรียกได้ว่ายึดความยิ่งใหญ่บน อาณาจักรเยอรมัน มาเป็นของตัวเอง ซึ่ง บาเยิร์น ต้องการทวงความยิ่งใหญ่กลับคืนมา อย่างถึงที่สุด
เสือใต้ จึงย้อนไปมองวิธีที่เคยทำให้พวกเขาครองความยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ปลายยุค 60s มาถึงกลางยุค 70s ซึ่งการวิธีการที่พวกเขาทำให้เห็นอย่างชัดเจน คือ การสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นภายในทีมตลอดเวลา
ปี 1974 เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ได้เฉลิมฉลอง แชมป์ยุโรป อย่างมีความสุข แต่หลังจากซีซั่นใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น และเกมการแข่งขันผ่านไปเพียง 2 นัด อูโด ลาเท็ค โค้ชผู้บันดาลความสำเร็จให้กับ บาร์เยิน ถูกปลดออกจากตำแหน่งแบบฟ้าผ่า
“ตอนนั้นพวกเราทำผลงานไม่ตามเป้าหมาย ผมนั้นได้เข้าไปคุยกับท่านประธานสโมสรว่า พวกเราต้องการความเปลี่ยนแปลง เขาเห็นด้วย และบอกว่า ‘ผมไล่คุณออก’ ตัวผมนั้นผมโกรธมาก ๆ เลยล่ะ” อูโด ลาเท็ค ย้อนความหลัง
ถึงจะเป็นการกระทำที่ดูโหดร้าย และมีความอำมหิต แต่ผลที่ตามมาคือ เสือใต้ ยังคงคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ต่อไปอีก 2 ซีซั่น ภายใต้การนำของ กุนซือคนใหม่อย่าง ดีตมาร์ คราเมอร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การตัดสินใจปลด อูโด ลาเท็ค คือการทำสิ่งที่ถูกต้อง
เสือใต้ จึงเลือกตัดสินใจที่จะทำแบบนั้นอีกครั้ง หลังจบซีซั่นปี 1977 ด้วยการปล่อย ไกเซอร์ ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ออกจากทีม เพื่อเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่า นี่คือการเริ่มต้นใหม่ของ บาเยิร์น มิวนิค
เมื่อซีซั่น 1977-78 เริ่มต้นขึ้นได้ไม่นาน ทัพเสือใต้ ได้ทำการปลด ดีตมาร์ คาร์เมอร์ ออกจากสโมสรไปอีกคน เท่ากับว่าภายในระยะเวลาอันสั้น บาเยิร์นได้ทำการเขี่ยผู้ชายสองคน ที่มีบารมีมากที่สุดในห้องแต่งตัวออกไปจากทีม
เสือใต้ ได้เริ่มสร้างทีมใหม่อย่างช้า ๆ ไม่ใช่แค่การปล่อยผู้เล่นตัวเก่าแก่อันเป็นตำนานออกไป แต่รวมถึงการเปลี่ยนผู้บริหาร โดยการดึงตัวคนรุ่นใหม่ไฟแรง อย่าง อูลี เฮอเนส อดีตดาวเตะของทีมที่แขวนเกือกไปด้วยอาการบาดเจ็บ ซึ่งมีอายุได้เพียง 27 ปีในตอนนั้น มาช่วยวางแผนระยะยาวให้กับทีม
ภายในระยะเวลาอันสั้น เสือใต้ เริ่มกลับมาทวงความยิ่งใหญ่เกรียงไกร ด้วยการคว้าถาดแชมป์บุนเดสลีกา ซีซั่น 1979-80 และ 1980-81
นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ยอดทีมแห่งแคว้นบาวาเรีย ได้พบสูตรสำเร็จแล้วว่า หากสโมสรจะประสบความสำเร็จ ต้องใช้บุคลากรที่ทำงานโดยมีศักยภาพเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ชื่อเสียง, อิทธิพล หรือความสนิทสนมใกล้ชิด ไม่มีความหมายกับการทำงานที่สโมสรแห่งนี้
เป็นเรื่องที่สุดหิน หากจะมีใครสักคนจะอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการทีมของ เสือใต้ ให้ได้อย่างยืนยง เพราะสุดท้ายมีเหตุผลเป็นร้อยเป็นพัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลงาน, วัฒนธรรมการทำงาน, ความสัมพันธ์ภายใน ที่บาเยิร์นสามารถใช้มาเป็นข้ออ้าง ในการตะเพิดออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม ถึงจะไม่มีกุนซือรายไหนอยู่ที่นี่ได้อย่างยาวนาน แต่ผลดีที่ ทัพเสือใต้ ได้รับกลับมา คือสโมสรแห่งนี้ไม่เคยรู้สึกเกรงกลัวกับความเปลี่ยนแปลง ไม่เคยยึดติดกับอะไรเดิมๆ พร้อมรับกับสิ่งใหม่ได้ตลอดเวลา
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญ ที่ทำให้ สโมสรบาเยิร์น มิวนิค เดินก้าวไปข้างหน้า โดยที่ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ และรักษาความเป็น ยอดสโมสรที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดแห่งวงการฟุตบอลเยอรมัน มายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ
อ่านข่าวฟุตบอลเพิ่มเติม :: เรื่องฟุตบอลที่น่าสนใจ
อ่านข่าวกีฬาเพิ่มเติม :: ข่าวกีฬาล่าสุด
ติดตาม Facebook :: Footballhits98