TOP 10 นักเตะฟอร์มเด่นที่สุดในศึกยูโร 2020
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 นั้นเป็นทัวร์นาเมนต์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนๆฟุตบอล ทั่วโลก และก็ได้มีเหล่าบรรดาผู้เล่นบางคนโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นเหนือคนอื่นๆ เมื่อการเกมการแข่งขันได้สิ้นสุดลงแล้ว ยูฟ่า ได้ใช้เครื่องมือติดตามผลงานการเล่นของ FedEx Performance Zone เพื่อจัดอันดับผู้เล่นที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์รายการนี้ โดยวันนี้พวกเราจะมานำเสนอคอนเทนต์ TOP 10 นักเตะฟอร์มเด่นที่สุดในศึกยูโร 2020
10. อายเมริค ลาปอร์ต ( Aymeric Laporte ) – Spain
กองหลังร่างเล็กของ ทัพกระทิงดุ ทีมชาติสเปน ยืนคุมหลังบ้านได้อย่างยอดเยี่ยมจนพา สเปน ฝ่าฟันไปได้ถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่จะพ่ายให้กับ ทัพอัซซูรี่ ทีมชาติอิตาลี ในการดวลลูกจุดโทษหลังจากยังเสมอกันช่วงต่อเวลาพิเศษ แถมเติมเกมบุกขึ้นมาโหม่งทำประตูสุดสวยได้จากลูกเปิดของ เคราร์ด โมเรโน่ ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 ที่พบกับ ทีมชาติสโลวาเกีย
ระยะเวลาในการลงเล่น : 630 นาที
ประตู : 1 ประตู
ส่งบอลสำเร็จ : 658/689 หรือ 89 %
เข้าสกัด : 8 ครั้ง
แย่งบอลคืน : 31 ครั้ง
เคลียร์บอลสำเร็จ : 14 ครั้ง
บล็อกจังหวะทำประตูของคู่แข่ง : 2 ครั้ง
9. เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ( Leonardo Bonucci ) – Italy
ปราการหลังจอมแกร่งของ ทัพอัซซูรี่ ทีมชาติอิตาลี ที่ยืนคุมแนวรับได้อย่างเหนียวแน่นกับคู่หูอย่าง จอร์โจ้ คิเอลลินี่ จนพา อิตาลี ผงาดคว้าแชมป์ศึก ฟุตบอลยูโร หนนี้ได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยตลอดทัวร์นาเมนต์ อิตาลี เสียประตูไปเพียง 4 ประตู และยังสามารถเก็บได้ถึง 3 คลีนชีท ซึ่งเป็นเพราะความยอดเยี่ยมของคู่หูเซ็นเตอร์แบ็คจาก ไอ้ม้าลาย ยูเวนตุส แถมเจ้าตัวยังทำประตูตีเสมอ อังกฤษ อันสุดสำคัญในนัดชิงชนะเลิศจุดประกายความหวังให้กับทีมจนในท้ายที่สุด ขุนพลอัซซูรี่ ก็มีชัยเหนือ ทัพสิงโตคำราม ในการดวลเป้าตัดสินแชมป์
ระยะเวลาในการลงเล่น : 675 นาที
ประตู : 1 ประตู
ส่งบอลสำเร็จ : 438/491 หรือ 89 %
เข้าสกัด : 1 ครั้ง
แย่งบอลคืน : 26 ครั้ง
เคลียร์บอลสำเร็จ : 16 ครั้ง
บล็อกจังหวะทำประตูของคู่แข่ง : 3 ครั้ง
8. โยอาคิม เมห์เล่ ( Joakim Maehle ) – Denmark
แบ็คจอมบุกของ ทัพโคนม ทีมชาติเดนมาร์ก ที่เป็นหัวใจสำคัญทั้งในเกมรับและรุกของทีม แถมเจ้าตัวยังเติมเกมบุกขึ้นไปทำประตูได้ถึง 2 ประตู และยังมีลูกแอสซิสต์สุดสวยใหั แคสเปอร์ โดลเบิร์ก โขกเข้าไปตุงตาข่าย เจ้าตัวมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีมฝ่าฟันไปได้ถึงรอบรองชนะเลิศ ทั้งๆที่ เดนมาร์ก ได้พลาดถ้าแพ้ไปใน 2 นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม เนื่องจากทั้งทีมอาจจะยังคงช็อกกับเหตุการณ์ที่ คริสเตียน อิริกเซ่น วูบคาสนาม แต่อย่างไรก็ตาม พอหลังจากทีมได้ทราบข่าวจากคุณหมอว่า จอมทัพของทีม ได้ฟื้นขึ้นและรู้สึกตัวแล้ว มันเหมือนกับทั้งทีมอึดสู้เล่นเพื่อ อิริกเซ่น จนเกือบจะสร้างเทพนิยายทะลุไปถึงตำแหน่งแชมป์ แต่มันก็ต้องหมดหวังไปด้วยน้ำมือของ ทีมชาติอังกฤษ
ระยะเวลาในการลงเล่น : 570 นาที
ประตู : 2 ประตู
ส่งบอลสำเร็จ : 245/289 หรือ 84 %
เข้าสกัด : 6 ครั้ง
แย่งบอลคืน : 31 ครั้ง
เคลียร์บอลสำเร็จ : 3 ครั้ง
บล็อกจังหวะทำประตูของคู่แข่ง : 0 ครั้ง
7. แฮร์รี่ เคน ( Harry Kane ) – England
ดาวยิงตัวความหวังของ ทัพสิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ แม้ว่าเจ้าตัวจะเท้าบอดยิงไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียวในเกมรอบแบ่งกลุ่ม แต่พอกับในรอบน็อคเอาท์เจ้าตัวกลับถล่มประตูไปได้ถึง 4 ประตู รั้งตำแหน่งรองดาวซัลโวร่วมของทัวร์นาเมนต์ พร้อมกับการพาทีมคว้าตำแหน่งรองแชมป์ศึก ฟุตบอลยูโร ได้แบบชอกซ้ำด้วยการปราชัยต่อ ทีมชาติอิตาลี ในการดวลจุดโทษตัดสินแชมป์หลังจากที่ทั้งสองทีมยังคงเสมอกันในช่วงต่อเวลาพิเศษโดย อังกฤษ ต้องอกหักชวดคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ที่เหล่าแฟนบอลผู้ดีรอคอยกันมากว่า 55 ปี นับตั้งแต่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 1968
ระยะเวลาในการลงเล่น : 649 นาที
ประตู : 4 ประตู
แอสซิสต์ : 0 ครั้ง
สร้างสรรค์โอกาสทำประตู : 15 ครั้ง
ส่งบอลสำเร็จ : 111/152 หรือ 72 %
6. จอร์จินโญ่ ( Jorginho ) – Italy
จอมทัพผู้ปิดทองหลังพระของ ทัพอัซซูรี่ ทีมชาติอิตาลี ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคนนี้นั้นเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของทีม ไม่ว่าจะเป็นในนามสโมสร ทัพสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี โดยฤดูกาลล่าสุดเจ้าตัวพา สิงห์บลู ผงาดครองแชมป์เจ้ายุโรป อย่างศึก ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก หรือในนาม ทีมชาติอิตาลี ที่เจ้าตัาพาทีมคว้าแชมป์ ฟุตบอลยูโร 2020 ได้อย่างยิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะยิงลูกจุดโทษพลาดไปในนัดชิงชนะเลิศที่ เวมบลี่ย์ แต่ผลงานที่ผ่านมาของเขาตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์นั้นยอดเยี่ยมแบบไร้ที่ติ โดยหลายฝ่ายยังเชื่อกันว่าเขานั้นคือหนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้า บัลลงดอร์ ในปีนี้
ระยะเวลาในการลงเล่น : 705 นาที
ประตู : 0 ประตู
แอสซิสต์ : 0 ครั้ง
สร้างสรรค์โอกาสทำประตู : 0 ครั้ง
ส่งบอลสำเร็จ : 497/529 หรือ 93 %
เข้าสกัด : 11 ครั้ง
แย่งบอลคืน : 46 ครั้ง
5. พาทริค ชิค ( Patrik Schick ) – Czech Republic
ดาวยิงคัวเก่งของสาธารณรัฐเช็ก ผู้นี้เกือบจะสามารถคว้ารองเท้าทองคำได้เลยทีเดียวหากไม่มีชายที่ชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ยิงประตูได้เท่ากัน โดย ซีอาร์ 7 เฉือนไปด้วยจำนวนแอสซิสต์ที่มากกว่าเพียง 1 แอสซิสต์ โดยดาวยิงจาก ห้างขายยา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซัดไปได้มากถึง 5 ประตูในศึกฟุตบอลยูโรครั้งนี้ และเขาแทบจะทำประตูได้ทุกเกมที่ลงสนามมีเพียงนัดที่พบกับ ทีมชาติอังกฤษ ในรอบแบ่งกลุ่ม ที่เจ้าตัวไม่สามารถพังตาข่าคู่แข่งได้
ระยะเวลาในการลงเล่น : 404 นาที
ประตู : 5 ประตู
แอสซิสต์ : 0 ครั้ง
สร้างสรรค์โอกาสทำประตู : 16 ครั้ง
ส่งบอลสำเร็จ : 73/102 หรือ 71 %
4. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ( Cristiano Ronaldo ) – Portugal
ตำนานจอมถล่มประตูที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในสนาม เจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำ ประจำศึกฟุตบอลยูโร 2020 ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส ผู้นี้พังประตูให้ทีมไป 5 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ แม้ว่า 3 จากใน 5 ประตู ที่เจ้าตัวนั้นทำได้จะมาจากลูกจุดโทษก็ตาม โดยสตาร์รายนี้นั้นได้สร้างสถิติได้อีกหลายอย่าง อาทิเช่น เป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำประตูได้ในเกมการแข่งขันรายการนี้ 5 ครั้งติดต่อกัน และเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดตลอดกาลของรายการนี้ เป็นผู้เล่นที่ลงสนามมากที่สุดในรายการนี้ เป็นผู้เล่นที่ทำประตูในนามทีมชาติมากที่สุดตลอดกาล แทนที่ของ อาลี ดาอี ตำนานดาวยิงของ อิหร่าน แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถพา ทัพฝอยทอง ป้องกันแชมป์ฟุตบอลยูโรหนนี้ได้ โดยพ่ายให้กับ ทีมชาติเบลเยี่ยม ไปในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ระยะเวลาในการลงเล่น : 360 นาที
ประตู : 5 ประตู
แอสซิสต์ : 1 ครั้ง
สร้างสรรค์โอกาสทำประตู : 16 ครั้ง
ส่งบอลสำเร็จ : 113/130 หรือ 86 %
3. แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ( Harry Maguire ) – England
ปราการหลังร่างยักษ์ของ ทัพสิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ โดยเขานั้นเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับของทีม ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ อังกฤษ เสียประตูไปเพียง 2 ประตู และสามารถเก็บได้ถึง 5 คลีนชีท ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพวกเขานั้นเป็นทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์รายการนี้จากสถิติดังกล่าว แถมเจ้าตัวยังเติมเกมขึ้นมาโหม่งทำประตูจากลูกเตะมุมได้อีกด้วย แล้วยังจะมีลูกยิงจุดโทษอันเฉียบขาด ในการดวลตัดสินด้วยลูกจุดโทษตัดสินในนัดชิงชนะเลิศ ที่ในท้ายที่สุดต้องอกหักชวดแชมป์ไปด้วยการพ่ายต่อ อิตาลี อย่างน่าเสียดาย หลังจากเหล่าแฟนบอลรอคอยโอกาสนี้มากว่าครึ่งศตวรรษ
ระยะเวลาในการลงเล่น : 510 นาที
ประตู : 1 ประตู
ส่งบอลสำเร็จ : 341/369 หรือ 92 %
เข้าสกัด : 6 ครั้ง
แย่งบอลคืน : 34 ครั้ง
เคลียร์บอลสำเร็จ : 25 ครั้ง
บล็อกจังหวะทำประตูของคู่แข่ง : 4 ครั้ง
2. ลุค ชอร์ ( Luke Shaw ) – England
แบ็คซ้ายจอมบุกของ ทัพสิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ เขานั้นสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นเป็นอย่างมากในช่วงหลังไม่ว่าจะในนาม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ ในนาม ทีมชาติอังกฤษ โดยเฉพาะในศึก ฟุตบอลยูโร 2020 แบ็คร่างตันรายนี้ สามารถเล่นเกมรับและรุกได้อย่างสมบูรณ์แบบ การเปิดบอลของเขานั่นแม่นยำราวกับจับวาง ถึงขั้นที่ว่า มีคนยกไปเปรียบเทียบกับ โรแบร์โต้ คาร์ลอส ตำตานแบ็คซ้าย ทีมชาติบราซิล ซึ่งในทัวร์นาเมนต์รายการนี้ เจ้าตัวเปิดใส่พานให้เพื่อนโหม่งพังประตูไปได้ถึง 3 แอสซิสต์ แถมในนัดชิงชนะเลิศเขานั้นยังซัดประตูให้ ทัพสิงโตคำราม ขึ้นนำ อิตาลี ก่อนอีกด้วย และนั่นเป็นประตูแรกของเขาในนาม ทีมชาติอังกฤษ แม้ว่าท้ายที่สุดจะต้องชอกช้ำไปในการดวลลูกจุดโทษ
ระยะเวลาในการลงเล่น : 575 นาที
ประตู : 1 ประตู
ส่งบอลสำเร็จ : 287/341 หรือ 83 %
เข้าสกัด : 9 ครั้ง
แย่งบอลคืน : 21 ครั้ง
เคลียร์บอลสำเร็จ : 8 ครั้ง
บล็อกจังหวะทำประตูของคู่แข่ง : 1 ครั้ง
1. มาร์โก้ แวรัตติ ( Marco Verratti ) – Italy
จอมทัพร่างเล็กของ ทัพอัซซูรี่ ทีมชาติอิตาลี ชายผู้เป็นหัวใจในแดนกลางของทีม การสร้างสรรค์เกมรุกของ อิตาลี ล้วนแต่มีจุดเริ่มต้นมาจาก แวร์รัตติ แม้ว่าเจ้าตัวนั้นจะไม่ได้ลงสนามรับใช้ทีมในสองนัดแรก เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับความฟิต พอตั้งแต่เกมนัดที่ 3 ของรอบแบ่งกลุ่มยาวไปถึงนัดชิงชนะเลิศ เขาคนนี้นั้นได้ยึดตำแหน่งตัวจริงในแดนกลางของทีมชนิดแบบที่ว่าขาดไม่ได้ ยามทีมตั้งรับเขานั้นก็พยายามวิ่งไล่เพรสซิ่งใส่คู่แข่งอย่างขยันขันแข็ง การออกบอลอันชาญฉลาดของเขานั้นก็ยอดเยี่ยม โดยได้ใส่พานให้เพื่่อนซัดประตูไป 3 แอสซิสต์ จนในท้ายที่สุดเขาก็ได้พา ทีมชาติอิตาลี คว้าแชมป์ ฟุตบอลยูโร 2020 ได้อย่างยิ่งใหญ่
ระยะเวลาในการลงเล่น : 400 นาที
ประตู : 0 ประตู
แอสซิสต์ : 3 ครั้ง
สร้างสรรค์โอกาสทำประตู : 4 ครั้ง
ส่งบอลสำเร็จ : 401/425 หรือ 93 %
เข้าสกัด : 30 ครั้ง
แย่งบอลคืน : 32 ครั้ง
อ่านข่าวฟุตบอลเพิ่มเติม :: Top 10 Football
ติดตาม Facebook :: Footballhits98