ย้อนวันวานคิงส์ คัพที่เชียงใหม่เมื่อปี 2013

ย้อนวันวานคิงส์ คัพที่เชียงใหม่เมื่อปี 2013
ย้อนวันวานการเเข่งขันคิงส์ คัพครั้งล่าสุดที่เชียงใหม่เมื่อปี 2013 เป็นการกลัมาจัดการเเข่งขันคิงส์ คัพครั้งแรก หลังจากที่ห่างหายไปอย่างยาวนานหลายปี จากการระบาดของเชื้อไรวัส COVID-19 ทำให้ไม่สามารถเชิญทีมจากต่างประเทศเข้ามาร่วมการเเข่งขันได้
ฤดูกาลนี้เป็นการกลับมาจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งแรกหลังจากที่ห่างหายไปอย่างยาวนานหลายปี จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ทำให้เราไม่สามารถเชิญทีมจากประเทศอื่นเข้ามาร่วมการแข่งขันได้
ด้วยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ มันจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก ที่นักกีฬาทีมชาติไทยจะไม่ได้ฝึกซ้อมในการแข่งขันจริงนัดพบกับทีมชาติอื่น อย่างไรก็ตามล่าสุดประเทศไทยของเราได้มีการจัดการแข่งขันดังกล่าวขึ้นอีกครั้งในปีนี้และได้จังหวัดเจ้าภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นก็คือเชียงใหม่นั่นเอง
การแข่งขันจะถูกจัดขึ้นในสนามสมโภช 700 ปี เชียงใหม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เชียงใหม่ได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขัน
แต่อย่างใด ครั้งหนึ่งเคยมีการจัดการแข่งขันในจังหวัดเชียงใหม่มาก่อนเมื่อปี 2013 ที่ผ่านมาในสนามเดียวกัน
โดยเป็นการแข่งขันคิงส์ คัพครั้งที่ 42
ดังนั้นก่อนที่การแข่งขันครั้งไหนจะเดินทางมาถึงวันนี้เราจึงจะพาทุกคน ไปย้อนรอยกันว่าการแข่งขันในครั้งนั้นเกิด
อะไรขึ้นและมีเหตุการณ์อะไรที่น่าประทับใจบ้าง สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพครั้งที่ 42 ในจังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา
มีทั้งหมด 4 ทีมชาติเข้าร่วมการแข่งขันประกอบไปด้วยเจ้าภาพอย่างทีมชาติไทย สวีเดน เกาหลีเหนือ และฟินแลนด์ โดยแข่งขันกันในระบบน็อคเอาท์
การแข่งขันในรอบรองชนะเลิศทีมชาติไทยได้พบกับฟินแลนด์ น่าเสียดายต้องพ่ายแพ้ไปด้วยคะแนนกว่า 1 ประตูต่อ 3 นักเตะที่สามารถทำประตูได้คือนฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ภายใต้การคุมทีมของวินฟรีด เชเฟอร์ ในขณะที่การแข่งขันของอีกคู่ในรอบรองชิงชนะเลิศนั้นคือสวีเดนและเกาหลีเหนือ ทีมที่สามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จคือสวีเดนที่ทำลูก
จุดโทษได้สำเร็จด้วยคะแนนก่อน 4 ประตูต่อ 1 หลังจากเล่นมาอย่างยาวนานกว่า 90 นาทีก็เสมอกันไปด้วยคะแนน 1 ประตูต่อ 1 ทำให้สวีเดนต้องเข้าไปแข่งขันนัดชิงชนะเลิศกับฟินแลนด์
ส่วนทีมชาติไทยต้องไปแข่งขันชิงที่ 3 กับทีมชาติเกาหลีเหนือ ผลการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศอันดับที่ 3 จบลงไปด้วยการเสมอกันด้วยคะแนน 2 ประตูต่อ 2 ทำให้การแข่งขันในครั้งนี้จบลงไปด้วยการครองที่ 3 ร่วมกัน ส่วนการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศทีมฟินแลนด์สามารถคว้าชัยชนะไปด้วยคะแนน 3 ประตูต่อ 0
และคว้าแชมป์การแข่งขันคิงส์ คัพได้สำเร็จอย่างงดงาม น่าจะน่าเสียดายสำหรับทีมเจ้าภาพอย่างทีมชาติไทยที่ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเพื่อคว้าอันดับ 1 หรืออันดับที่ 2 ในการแข่งขัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าทีมคู่แข่งในปีนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
อัพเดตข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้
อ่านข่าวกีฬาเพิ่มเติม :: ข่าวกีฬาสดใหม่
ติดตาม Facebook :: Footballhits98